หลายๆ คนคงเดินไปซื้อของในห้างสรรพสินค้า เดินเลือกซื้อของสดและผักต่างๆ จะต้องสะดุดกับคำว่า GMO กันบ้างล่ะ น้อยคนนักที่จะไม่รู้จักพวกมัน เพราะสิ่งนี้มีมานานอยู่พอสมควรแล้วบนโลกของเรา แล้วมันคืออะไรน่ะเหรอ GMO ย่อมาจาก Genetically modified organism (GMO) มีความหมายว่าสิ่งมีชีวิตที่ผ่านการดัดแปลงทางพันธุกรรม เป้าหมายก็คือช่วยเพิ่มผลผลิต เพิ่มจุดเด่นให้กับสินค้าโดยนำยีนของสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นๆ ที่ต้องการมาใส่นั่นเอง หลายๆ คนถามเข้ามาว่า อ้าว เห็นมันมี GMO กับ GMOs มันแตกต่างกันอย่างไรวันนี้จึงอยากจะมาอธิบายว่ามันแตกต่างกันหรือไม่อย่างไร
ในความเป็นจริงแล้วในเรื่องของคำว่า GMO และ GMOs นั้น มีความหมายในรูปแบบเดียวกัน ซึ่งก็แปลได้ว่า จาก Genetically modified organism เช่นเดียวกัน ส่วนสำหรับคำว่า GMOs นั้นก็คือคำเดียวกันเพียงแต่มี S เติมต่อท้าย หรือก็คือ Genetically modified organisms มันเป็นคำพหูพจน์ในภาษาอังกฤษ ถ้าจะพูดกันง่ายๆ เลยสำหรับ GMO จะพูดถึงสิ่งมีชีวิตเดี่ยวๆ จำพวก ชิ้นเดียว ชนิดเดียว อย่างเช่น “แอปเปิล GMO” ก็คือการเรียกของแอปเปิ้ลชนิดนี้ผ่านการตัดแต่งพันธุกรรมเท่านั้น ส่วนการใช้คำกว่า GMOs มีความหมายที่กว้างออกไป ใช้สำหรับเรียกจำพวกกลุ่ม เช่น “Vegetables GMOs” ดังนั้นสิ่งไหนที่เรียกกลุ่มใหญ่ๆ มีความหมายกว้างๆ จึงเติม s ตามหลังคำว่า GMO แต่ในปัจจุบันก็มั่วกันไปหมดจนเกิดการสับสนถึงกับขนาดว่า เห้ย มันแตกต่าง และมีความหมายเชิงลึกที่ต่างกันไปเลยรึเปล่า ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ใช่เลย เพียงแค่เป็นรูปแบบการใช้ภาษาเท่านั้น
เป็นอย่างไรกันบ้าง หายมึนกันหรือยัง เท่านี้ก็น่าจะเข้าใจกันได้แล้วว่าทำไมบางคนค้นหาคำว่า GMO กับ GMOs กลับไมเจอคำตอบ เพราะมันไม่เป็นปัญหาในการเข้าใจในต่างประเทศ มีแต่บ้านเราที่มึนกันไปเองเลยต้องออกมาชี้แจงกันซักเล็กน้อยเพื่อให้เข้าใจกัน ไหนๆ ก็พูดถึงเรื่องนี้แล้ว ก็อยากจะฝากเกร็ดความรู้เพิ่มเติมเล็กๆ น้อยๆ เกี่ยวกับ GMO จะได้เข้าใจกันมากขึ้น
5 เกร็ดความรู้น่าสนใจ
- สหรัฐอเมริกาบริโภคสินค้า GMOs คิดเป็น 70 – 80% ของผลผลิตทั้งหมดที่ผลิตขึ้น
- GMO ยังมีความก้ำกึ่งในด้านความปลอดภัย หลายประเทศเลือกที่จะแบนการบริโภค และผลิต
- พืชที่ถูกตัดต่อพันธุกรรมจะมีการทนทานต่อวัชพืชสูง และมีอัตราการเติบโตที่สูงกว่าปกติ
- ปัจจัยการแพร่กระจายที่ไม่สามารถควบคุมได้ ทำให้พืชพันธุ์ GMO อาจกระจายไปทั่วโลกด้วยตัวเอง
- ผู้ผลิตหลายเจ้าเลือกที่จะไม่ติดสติกเกอร์ GMOs ลงบนสินค้าของตนเอง เพราะผู้คนมักจะเลือกซื้อสินค้าที่ติด Non-GMO มากกว่าเพราะห่วงเรื่องความปลอดภัยทางสุขภาพที่อาจเกิดขึ้น